พฤติกรรมของคนได้ถูกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ หรือแม้แต่คนทั่วไปต่างหันมาใส่ใจสุขอนามัยมากขึ้น เพราะการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาได้เพิ่มดีกรีความท้าทายใหม่ๆ ในชีวิตเรายิ่งขึ้นไปอีก จึงเป็นก้าวสำคัญที่ธุรกิจโรงพยาบาลในรูปแบบเดิมต้องปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่ ทำให้ Digital Healthcare เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อวงการอุตสาหกรรมการแพทย์ และการบริการด้านสาธารณสุขทั่วโลก
เหตุการณ์โรงพยาบาลแห่งหนึ่งถูกโจมตีระบบข้อมูลเพื่อเรียกค่าไถ่เป็นจำนวนเงินหลายหมื่นล้าน ส่งผลให้บุคลากรไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลและประวัติการรักษาของผู้ป่วยได้ เป็นอีกหนึ่ง Case Study ครั้งใหญ่ รองจากโควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจโรงพยาบาลต้องตื่นตัวอีกครั้ง ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเกิดเหตุไม่คาดฝัน Digital Healthcare จึงเป็นทางเลือกใหม่ในอนาคตที่ช่วยยกระดับ และพัฒนาองค์กรในด้านต่างๆ ให้ดีกว่าเดิม ที่ไม่ได้มุ่งหวังแค่การรักษาสุขภาพ แต่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลและการให้บริการที่มากไปด้วยประสิทธิภาพ
ธุรกิจ Digital Healthcare คืออะไร ทำไมต้องให้ความสำคัญ ?
ธุรกิจ Digital Healthcare คือ การนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับธุรกิจโรงพยาบาล หรือธุรกิจสุขภาพให้มีคุณภาพ มีความเป็นดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งใน Megatrends ที่กำลังมาแรง ทั่วโลกต่างให้ความสนใจโดยเฉพาะคนในวงการแพทย์ เนื่องจากปัจจุบันสังคมได้นำเทคโนโลยีที่ทรงพลังมาสร้างสรรค์และพัฒนาจนเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยมากขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางการแพทย์ ด้วยการใช้หุ่นยนต์ (AI) ตรวจคัดกรองเบื้องต้นแทนการใช้คน ใช้ระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เพื่อการบริการที่สะดวก แต่หากมุ่งหวังเพียงการรักษาสุขภาพอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ธุรกิจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการทำงานในองค์กร เพื่อให้ได้ประโยชน์ในหลากหลายแง่มุมดังนี้
วิธีทรานส์ฟอร์มธุรกิจโรงพยาบาล ก้าวสู่ Digital Healthcare อย่างเต็มรูปแบบ
1. ปรับให้ตรงตามความต้องการ
ธุรกิจ Digital Healthcare จะต้องปรับให้เท่าทันความต้องการของผู้บริโภคแบบ Real Time ซึ่งนอกเหนือจากการรักษาที่ดีแล้ว ต้องสำรวจผู้บริโภคแต่ละช่วงวัยว่าต้องการบริการด้านใดเป็นพิเศษ โดยอาจอ้างอิงจากประวัติการรักษาของผู้ป่วยในอดีตเพื่อนำไปปรับปรุงในด้านต่างๆ เช่น ด้านบริการแบบมุ่งเน้นเรื่องประสบการณ์ผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถอำนวยความสะดวกในการรักษา หรือการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อออกแบบวิธีรักษาได้ตรงกับสุขภาพของผู้ป่วย
2. สร้างเครือข่ายการให้บริการแบบ Digital Healthcare
ปัจจุบันการรักษามีทางเลือกหลากหลายมากขึ้น ไม่จำเป็นจะต้องไปที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว เพราะธุรกิจสุขภาพได้ขยายไปตามพื้นที่ต่างๆ อย่างครอบคลุม ทำให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเข้ารับการรักษาในสถานที่ที่ตนเองสะดวกได้ เพราะฉะนั้นการสร้างเครือข่ายการให้บริการระหว่างสถานพยาบาลต่างๆ จึงสามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค ถือว่าธุรกิจสามารถเชื่อมโยง ส่งตัวผู้ป่วยให้กันได้ เพราะโรงพยาบาลแต่ละแห่งล้วนมีข้อจำกัดในการรักษาและอาจมีเครื่องมือทางการแพทย์ไม่เพียงพอ การสร้างเครือข่ายรูปแบบนี้ก็เป็นการลดค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาล แถมยังเอื้อประโยชน์ในการทำธุรกิจมากขึ้นด้วย
3. จัดการข้อมูลด้านสุขภาพ
ธุรกิจ Digital Healthcare เป็นธุรกิจที่มีการเก็บข้อมูลของผู้ป่วยทั้งรายชื่อ ประวัติการรักษาไว้เพื่อเป็นประโยชน์ในการรักษาครั้งถัดไป ข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นความลับส่วนบุคคลที่ห้ามเผยแพร่ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้ความสำคัญกับระบบจัดการข้อมูล เช่น ประวัติการแพ้ยา การใช้ยา วิธีการรักษาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน ฯลฯ ดังนั้นหากนำเทคโนโลยี Blockchain มาปรับใช้ก็จะมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เก็บข้อมูลของคนไข้
- เพื่อให้การจัดเก็บข้อมูลเป็นระเบียบมากขึ้นและค้นหาได้ง่าย การนำระบบออนไลน์เข้ามาใช้ในส่วนของเวชระเบียนก็จะช่วยให้มีความปลอดภัย เพราะสามารถกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลของผู้ป่วยได้ ทั้งยังต้องใส่รหัสก่อนเข้า ถือเป็นการเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งทำให้ไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลเหล่านี้จะรั่วไหล
- แลกเปลี่ยนข้อมูลทางสาธารณสุข
- เมื่อจัดเก็บข้อมูลของผู้ป่วยไว้ในระบบ Blockchain แล้ว ยังสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เพื่อเป็นประโยชน์ในการค้นคว้าวิจัยในอนาคตได้ โดยนักวิจัยจะต้องขออนุญาตเจ้าของข้อมูลก่อนถึงจะสามารถนำข้อมูลไปใช้ได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปประกอบการวินิจฉัยโรคเพื่อกำหนดแนวทางการรักษาให้มีความแม่นยำมากขึ้น
- ใช้กับระบบการเบิกจ่าย
- ผู้ป่วยบางรายอาจมีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการรักษา เช่น ประกันสังคม ประกันสุขภาพ ซึ่งระบบนี้จะสามารถตรวจสอบสิทธิและเอกสารได้อย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาดในการจ่ายซ้ำซ้อน
4. เพิ่มช่องทางติดต่อตลอด 24 ชั่วโมง
การเจ็บป่วยและอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่องทางการติดต่อสื่อสารจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งนอกจากการสื่อสารแบบออฟไลน์แล้วยังต้องเพิ่มช่องทางออนไลน์เข้าไปด้วยเพื่อความสะดวกในการสอบถามข้อมูล และช่วยแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
จะเห็นได้ว่า Digital Healthcare เป็นเหมือนความหวังใหม่ของวงการแพทย์แห่งอนาคต ซึ่งหากมีความพร้อมก็สามารถเริ่มต้นได้ทันที นอกจากข้อดีต่างๆ ดังที่กล่าวข้างต้นจะสามารถผลักดันธุรกิจโรงพยาบาลให้สามารถก้าวหน้าได้ไกลมากขึ้น ยังกลายเป็นจุดหมายปลายทางในฐานะผู้นำด้านสุขภาพในลำดับต้นๆ ของโลกได้ในอนาคต
เมื่อความปลอดภัยของทุกนาทีชีวิตคือการสื่อสาร และการเข้าถึงข้อมูลการรักษาอย่างรวดเร็ว อินเทอร์เน็ตจึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยย่นระยะเวลาและเชื่อมโยงทุกสิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลารวดเร็ว TOT Business Solution Expert เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ธุรกิจได้เป็นอย่างดี หากสนใจสามารถสอบถามบริการเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3kOTA4q
*หมายเหตุ TOT Business Solution Expert เฉพาะพื้นที่ที่มีโครงข่ายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น