บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จับมือร่วมกับ บริษัท มิว สเปซ แอนด์
แอดวานซ์ เทคโนโลยี จํากัด ร่วมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ ลุยเทคโนโลยีอวกาศ ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (Low
Earth Orbit satellite : LEO) ทดลองส่งอุปกรณ์ขึ้นสู่อวกาศ ระดับ Sub-Orbital ด้วยจรวดของบริษัท Blue Origin
ประเทศสหรัฐอเมริกา โชว์ศักยภาพการเป็นผู้นำในการให้บริการเกตเวย์ภาคพื้นดิน ตลอดจนบริการ Space IDC และ Space
Digital Platform ในอนาคต มั่นใจเทคโนโลยีดาวเทียมวงโคจรต่ำจะเป็น Disruptive Technology
ที่จะมาทดแทนอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์มีสาย และบริการดิจิทัลรูปแบบอื่นๆ พร้อมช่วยเสริมความแกร่งในการใช้เทคโนโลยี 5G
อย่างเต็มรูปแบบ
นายมรกต เธียรมนตรี รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทีโอที
ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ มิวสเปซ
เพื่อศึกษาและวิจัยความเป็นไปได้และโอกาสในการดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีไร้สาย ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) โดย ทีโอที
ได้จัดคณะทํางาน เพื่อดําเนินการศึกษาพร้อมกับการพัฒนาบุคลากร ซึ่งประกอบไปด้วยผู้บริหาร และพนักงาน
เพื่อสร้างองค์ความรู้และขีดความสามารถในการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดาวเทียมในอนาคต
โดยตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในการให้บริการและเป็นศูนย์กลางเกตเวย์ภาคพื้นดิน ให้บริการ Space IDC และ Space Digital
Platform ในอนาคต
โดย บมจ.ทีโอที ได้สร้าง Server Payload ที่ประกอบด้วย Web Server, IoT Platform และ Big Data Device
เพื่อการส่งอุปกรณ์ขึ้นไปทดสอบกับ Blue Origin จรวดของบริษัทในเครืออเมซอน ประเทศอเมริกา
ซึ่งได้ผ่านการทดสอบแล้วทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยที่ผ่านมา ทีโอที ได้ให้โอกาสเด็กเยาวชน จากโครงการ TOT Young
Club เข้ามามีส่วนร่วมในการเขียนโปรแกรม (software) เพื่อติดตั้งไปพร้อมกับอุปกรณ์ของ ทีโอที
ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกสร้างโดยนักเรียนมัธยม ที่มีโอกาสทํางาน
บนสภาพแวดล้อมอวกาศในจรวด Blue Origin โดยการรันในโปรแกรมจริง
ทั้งนี้ ทีโอที มีโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่ครบทุกด้าน ทั้งในเรื่องท่อร้อยสายใต้ดิน
เสาสัญญาณสื่อสารโทรคมนาคม และสายไฟเบอร์ออปติก ซึ่งถือเป็นโครงสร้างสำคัญที่ธุรกิจดาวเทียมวงโคจรต่ำต้องการ ดังนั้น
จึงเป็นโอกาสที่ดีของทีโอที ที่จะมุ่งไปสู่บริการ Space IDC และ Space Digital Platform
ซึ่งในอนาคตสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้านอวกาศจะมีศักยภาพสูงในหลายด้าน เช่น ความสามารถในการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ
จะทำได้ง่ายกว่าภาคพื้นดิน ด้วยคุณสมบัติที่ได้เปรียบของดาวเทียมวงโคจรต่ำ
ที่มีโอกาสอย่างมากที่จะเข้ามาแทนที่การให้บริการ บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตทางสาย
ที่มีความยุ่งยากในการติดตั้งและบํารุงรักษา และการลดต้นทุน ทำให้เกิดความเป็นไปได้ทางธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น
การสร้าง Internet Data Center และ IoT platform บนวงโคจรในอนาคตข้างหน้า
นายวรายุทธ เย็นบำรุง กรรมการและ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี
จำกัด กล่าวว่า
รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมทำงานกับองค์กรระดับประเทศด้านโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่แข็งแกร่ง อย่าง
ทีโอที โดย มิว สเปซ พร้อมสนับสนุนกิจการภาครัฐในด้านการรับส่งสัญญาณ
ในระบบดิจิทัลทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อร่วมในการพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีอวกาศ เพิ่มศักยภาพ
การให้บริการเครือข่ายสถานีภาคพื้นดิน บริการการรับและส่งสัญญาณดาวเทียมในระบบวงโคจรต่ำ รองรับ
การใช้งาน เทคโนโลยีเครือข่าย 5G ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จะทําให้การสื่อสารกระจายครอบคลุมไป ทั่วทุกพื้นที่มากยิ่งขึ้น
ทั้งพื้นที่ที่ห่างไกลซึ่งเสาสัญญาณไม่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นประโยชน์และมีความสําคัญอย่างมาก
ต่อการสื่อสารในอนาคตที่กําลังจะเกิดขึ้น ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตลอดจนสามารถเข้าถึงการศึกษา ความรู้ อาชีพ และโอกาสต่างๆ ได้อย่างเท่าเทียม
และยังเป็นการยกระดับเทคโนโลยีทางด้านการสื่อสารของไทยให้มีความสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้อย่างทัดเทียม
นายวรายุทธ เย็นบำรุง กล่าวเพิ่มเติมว่า เป้าหมายหลักสำคัญของเราในการจับมือกับ ทีโอที
เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางด้านธุรกิจดาวเทียมโดยเริ่มที่ โครงการการส่งอุปกรณ์สื่อสารที่สามารถทํางานบน Space
Environment ไปทดสอบบนอวกาศ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างองค์ความรู้และขีดความสามารถในการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดาวเทียมและอวกาศให้กับประเทศไทย เพื่อพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมดาวเทียมและอวกาศในไทยให้ก้าวหน้าทันสมัยมากยิ่งขึ้น
ทีโอที และ มิว สเปซ มีแผนงานในอนาคตที่จะทำการทดสอบการให้บริการ Space IDC/Platfrom และการสื่อสารระหว่างดาวเทียม
Intersatellite Link โดยใช้เทคโนโลยี Space Laser รวมถึงมีแผนที่จะขยายจำนวน Gateway เพิ่มเติมเพื่อรองรับการใช้งาน
Multi-Orbit Satellite และ LEO Satellite ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
เพื่อเตรียมความพร้อมการเป็นผู้ให้บริการ Gateway กับโครงข่ายดาวเทียม LEO
ในอนาคตต่อไป